ตลาดเก่าอ่างศิลา และตึกแดง-ตึกขาว ชลบุรี
เผยแพร่เมื่อ August 15, 2024
ตลาดเก่าอ่างศิลามีอายุเกินกว่าร้อยปีแล้ว โดยสมัยก่อนตั้งแต่ช่วงรัชกาลที่ 3 ก็มีชาวกรุงหรือชาวตะวันตกเดินทางมาพักตากอากาศกันมาก ที่มีชื่อว่า “อ่างศิลา” นั้นเพราะว่าพื้นที่นี้เป็นแหล่งที่มีบ่อหินคนในสมัยก่อนสามารถเก็บน้ำไว้ใช้กินใช้ทานได้ ปัจจุบันได้พัฒนาชุมชนเก่าแก่แห่งนี้เป็นแหล่งท่องเที่ยว โดยนักท่องเที่ยวสามารถเดินชมวิถีชีวิตชาวประมง พร้อมๆกับแวะซื้อของกิน ของฝาก สินค้าอาหารทะเลทั้งสดและแปรรูป รวมถึงของขึ้นชื่ออย่างครกหิน นอกจากนั้นที่นี่ยังมี ตึกแดง ซึ่งถือได้ว่าเป็นสถานที่ตามอากาศที่แรกของประเทศไทย และ ตึกขาวให้เดินเยี่ยมชมและถ่ายรูปกัน
ข้อมูลทั่วไป
ชื่อภาษาไทย
ตลาดเก่าอ่างศิลา
ชื่อภาษาอังกฤษ :
Ang Sila Old Market
ที่อยู่ :
ข้อมูลอ้างอิง :
ศูนย์ข้อมูลกลางทางวัฒนธรรม, หอสมุดพระราชวังสนามจันทร์ , ฐานข้อมูลพิพิธภัณฑ์ในประเทศไทย ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)
สถานะ :
ไม่มีข้อมูล
กิจกรรมแนะนำ
1
เดินเล่นตลาดร้อยปีของอ่างศิลา หาของกิน ชมครกขึ้นชื่อของไทย
ตลาดเก่าอ่างศิลาเป็นหมู่บ้านประมงริมทะเล เดิมเป็นถนนเพียงสายเดียวต่อมาจึงมีการสร้างถนนสายลงทะเลขึ้นอีกสายหนึ่ง มีอาคารบ้านเรือนในตลาดเก่าอยู่ราว 180 หลัง ปัจจุบันได้มีการฟื้นฟูตลาดเก่าให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเป็นทางเดินยาวราว 700 เมตร นักท่องเที่ยวมักเดินมาหาซื้อของฝากของกิน เมื่อเดินเข้ามาจากทางเข้าฝั่งติดทะเลเมื่อได้เดินไปตามถนนจะพบกับของกินมากมายให้เลือกซื้อหากันอยู่ริมทาง อาทิ หอยจ๊อ ผัดไท ขนมเรไร ขนมไทยชนิดต่างๆ ขนมโล่เทง ห่อหมก อาหารทะเลต่างๆ แมงกระพรุนลวก ฯ นอกจากนั้นนักท่องเที่ยวยังสามารถหาซื้ออาหารทะเลแปรรูปต่างๆได้อีกด้วย เมื่อเดินเข้ามาก็จะพบกับบ้านเรือนที่ยังคงความโบราณไม่เปลี่ยนแปลง และสามารถแวะเคารพศาลเจ้าปุนเฒ่ากง และศาลเจ้าปุนเฒ่าม่า
เนื่องด้วยหินแถวนี้เป็นหินอัคนีประเภทหินแกรนิตและหินทรายอยู่เป็นจำนวนมาก จึงเกิดอาชีพการทำครกหินซึ่งเป็นของที่ขึ้นชื่อของอ่างศิลาทุกคนรู้จักกันดีในนาม “ครกหินอ่างศิลา” แม้ในปัจจุบันหินที่นำมาทำครกเริ่มหมดไปและเริ่มนำหินจากที่อื่นมาทำครกมากขึ้น แต่ก็ยังสามารถหาของแท้ได้อยู่บ้าง โดยต้องหาครกที่ทำจากหินแกรนิตที่มีสีขาวนวล สีเทาอ่อน หรือ สีชมพูอมเหลือง ที่ชาวบ้านเรียกว่า เนื้อหินมันปู ลักษณะพิเศษของครกหินอ่างศิลาแท้ มีเกล็ดเงินเป็นประกาย เนื้อหินเนียนเรียบ เมื่อลูบเนื้อหินต้องไม่สะดุดมือ ตำแล้วต้องไม่เป็นทราย ไม่มีผงฝุ่นบนพื้นผิวและที่ก้นครก
นอกจากครกแล้วที่อ่างศิลายังขึ้นชื่อเรื่องผ้าทออ่างศิลา โดยเชื่อกันว่าในสมัยก่อน ในช่วงที่ว่างจากการประมงหญิงสาวชาวอ่างศิลาซึ่งได้เรียนรู้การทอผ้าจากมิชชันนารีอเมริกันจึงทอผ้าไว้ใช้ การทอผ้าแบบโบราณของชาวอ่างศิลา มีลวดลายที่ขึ้นชื่อ อาทิ ลายตาสมุก ลายดอกราชวัตร ลายตาสก๊อต ลายตาหมากรุก เป็นต้น
2
เดินเล่นรับลมทะเล เยี่ยมชมตึกแดง (พระตำหนักราชินี) ที่พักตากอากาศแห่งแรกของประเทศไทย
เวลา :
เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 8.30 - 16.30 น.
ตึกแดง หรือ “ตึกราชินี” เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน 2 ชั้น ตั้งอยู่ริมทะเลปากทางเข้าตลาดเก่าอ่างศิลา ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของพิพิธภัณฑ์เฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา ตึกแดงนับว่าเป็นที่พักตากอากาศแห่งแรกของประเทศไทย สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 บูรณะปฏิสังขรณ์โดยเสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ ในสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในระหว่างที่ทรงสำเร็จราชการแทนพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งเสด็จประพาสยุโรป
ตึกแดงมีส่วนที่เป็นระเบียงติดกับพื้นดินรองรับส่วนหน้าของอาคารที่สัมพันธ์กับพื้นที่ดินที่เอียงลาด หลังคาทรงปั้นหยายกจั่ว ส่วนหน้าของอาคารหันหน้าออกทะเล มีมุขยื่นออกมาทั้งชั้นล่างและชั้นบน ชั้นล่างบริเวณมุขเป็นผนังทึบ มีประตูรูปซุ้มโค้งตามกรอบ ส่วนบนเป็นกระจก ส่วนล่างเป็นบานลูกฟักไม้ หน้าต่างบานคู่ ส่วนบนเป็นกระจกช่องแสง ลูกกรงและระเบียงเป็นปูนปั้นลูกมะหวด
3
ชมตึกขาว (พระตำหนักมหาราช) คู่ตึกแดง
เวลา :
เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 8.30 - 16.30 น.
พระตำหนักมหาราช หรือตึกขาว เป็นตึกที่คู่กับตึกราชินีหรือตึกแดง โดยเรียกตึกทั้งสองหลังว่า “อาไศรย์สถาน” กรมศิลปากร ได้ประกาศให้ “ตึกมหาราช” และ “ตึกราชินี” ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานและกำหนดเขตที่ดินโบราณสถาน ปัจจุบันถูกปรับเปลี่ยนเป็นพิธภัณฑ์เฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา จัดแสดงวัตถุโบราณ อาทิ ครกหินอ่างศิลา เครื่องทอผ้า และถ้วยชามสังคโลก รูปแบบทางสถาปัตยกรรมของทั้งสองตึก เป็นแบบอย่างที่เรียกว่า “อิทธิพลทางตะวันตกแบบเมืองขึ้น” เนื่องจากระยะเวลานั้นอิทธิพลทางสถาปัตยกรรมแบบจีนยังมีอยู่มาก ทั้งเมื่อรับรูปแบบในลักษณะอิทธิพลตะวันตกแบบเมืองขึ้นเข้ามา จึงมีการผสมผสานทางสถาปัตยกรรมระหว่างไทยกับจีน
“ตึกมหาราช” เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน 2 ชั้น หลังคาทรงปั้นหยา เอียงลาดมาด้านหน้าเป็นจั่วมุงกระเบื้อง ไม่มีชายคายื่นจากผนังโดยรอบ ไม่มีกันสาดกันแดดฝนให้แก่หน้าต่าง ใช้ซุ้มโค้งครึ่งวงกลม ตรงชั้นล่างหน้ามุข มีบันไดทางขึ้นแยกเป็น 2 ทางขึ้นสู่ตรงกลางอาคาร
4
ชมบ่อหินสูง ต้นกำเนิดของคำว่าอ่างศิลา
อยู่ข้างๆตึกแดง เป็ยบ่อน้ำจืดธรรมชาติซึ่งประชาชนช่วอ่างศิลาใช้ในการอุปโภคบริโภคมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ที่เรียกว่าบ่อหินสูงเพราะว่าเป็นบ่อที่ตั้งอยู่บนโขดหินสูงขึ้นมาจากพื้นดิน เป็นต้นกำเนิดของคำว่าอ่างศิลา โดยใน พ.ศ. 2419 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้่าเจ้าอยู่หัวเสด็จประพาสจังหวัดชลบุรี มีลายพระราชหัตถเลขาพรรณนาตอนหนึ่งว่า “…เรียกชื่ออ่างศิลานั้น เพราะมีแผ่นดินสูงเป็นลูกเนิน มีศิลาก้อนใหญ่ๆเป็นศิลาดาดและเป็นสระยาวรีอยู่ 2 แห่ง…..” เมื่อเห็นว่าสามารถเป็นที่ขังน้ำฝน น้ำฝนไม่รั่วซึมไปได้จึงก่อเสริมปากบ่อกั้นน้ำ ชาวบ้านก็สามารถน้ำฝนในอ่างศิลามาใช้ บางปีฝนแล้งน้ำในสองบ่อไม่พอใช้ ก็ยังมีบ่อน้ำที่ราษฎรขุดไปขังน้ำฝนไว้ใช้ได้ จึงได้เรียกว่า “บ้านอ่างศิลา” มาจนทุกวันนี้
ใกล้ๆกันยังมีรอยพระพุทธบาทที่เนินหินอ่อนมีลักษณะรอยเท้าใหญ่ ชาวบ้านเชื่อกันว่าเป็นรอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้า บ้างก็ว่าเป็นรอยเท้าของพรานบุญ
5
ไหว้ศาลเจ้าแม่หินเขา “พระนางเรือล่ม” ศาลเจ้าที่ยื่นออกไปริมทะเล
ศาลเจ้าแม่หินเขาเป็นศาลเก่าแก่ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 เป็นศาลเจ้าที่สร้างยื่นออกไปในทะเล ชาวบ้านเรียกติดปากว่า เจ้าแม่หินเขา มีคำบอกเล่ากันมาว่า เจ้าแม่หินเขานี้ เป็นดวงวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระปิยมเหสี ในรัชกาลที่ 5 หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า “พระนางเรือล่ม” มีความเชื่อกันว่า เจ้าแม่หินเขาทรงแผ่บารมีแก่ชาวเรือทั้งหลายให้คลาดแคล้วจากภัยทางน้ำให้ปลอดจากเหตุน่าสลดใจที่เกิดขึ้นกับพระองค์เอง
หมวดหมู่
รวมแหล่งท่องเที่ยวและภาพถ่ายทั่วไทย