วัดหน้าพระเมรุ อยุธยา
เผยแพร่เมื่อ August 30, 2024
วัดหน้าพระเมรุเป็นวัดเดียวในกรุงศรีอยุธยาที่ไม่ได้ถูกพม่าทำลายและยังคงปรากฏสถาปัตยกรรมแบบอยุธยาอยู่ในสภาพสมบูรณ์มากที่สุดในอยุธยา สาเหตุเพราะพม่าได้ใช้วัดหน้าพระเมรุเป็นที่ตั้งกองทัพและหันปากกระบอกปืนใหญ่ยิงตรงเข้าใส่พระราชวัง นักท่องเที่ยวมักนิยมมาไหว้นมัสการพระพุทธนิมิตพิชิตมาร ซึ่งเป็นพระประธานทรงเครื่องในอุโบสถซึ่งมีความงดงามและยิ่งใหญ่เป็นอย่างมาก รวมถึงพระพุทธรูปซึ่งมีความเก่าหลายร้อยปีหลายองค์ซึ่งอยู่ภายในวัด ได้แก่ พระคันธารราฐ อายุ 1,500 ปี พระพุทธลีลา อายุ 800 กว่าปี และหลวงพ่อเชียงแสน อายุ 700 กว่าปี
มีการสันนิษฐานว่าวัดหน้าระเมรุนี้เดิมคงเป็นสถานที่สำหรับสร้างพระเมรุถวายพระเพลิงพระบรมศพของพระมหากษัตริย์พระองค์ใดพระองค์หนึ่งสมัยอยุธยาตอนต้นต่อมาจึงได้สร้างวัดหน้าพระเมรุขึ้น วัดหน้าพระเมรุนี้ยังมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ในคราวสงครามช้างเผือก โดยเป็นสถานที่ที่พระมหาจักรพรรดิใช้ทำสัญญาสงบศึกกับพระเจ้าหงสาวดีบุเรงนอง เมื่อ พ.ศ. 2092
วัดหน้าพระเมรุได้รับการบูรณะใหม่หลายครั้ง ตั้งแต่ในสมัยพระเจ้าบรมโกศและในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ตราบจนถึงปัจจุบัน
ข้อมูลทั่วไป
ชื่อภาษาไทย
วัดหน้าพระเมรุ
ชื่อภาษาอังกฤษ :
Wat Na Phra Men
เวลาเปิด - ปิด :
เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 – 17.00 น.
ที่อยู่ :
ตำบลท่าวาสุกรี
ข้อมูลอ้างอิง :
ป้ายข้อมูลภายในสถานที่ , การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย , สถาบันอยุธยาศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา , wikipedia
หมายเหตุ :
Foreigner 20 baht
สถานะ :
ไม่มีข้อมูล
การเดินทาง
การเดินทางโดยทางรถยนต์ส่วนตัว :
เมื่อมาถึงเกาะเมืองอยุธยา วิ่งรอบคูเมืองไปตามถนนอู่ทอง ตรงข้ามเยื้องๆกับวัดธรรมมิกราชให้ตัดข้ามคูเมืองไปตามถนนสระบัวก็จะเห็นวัดหน้าพระเมรุ
กิจกรรมแนะนำ
1
พระพุทธนิมิตรวิชิตมารโมลีศรีสรรเพชญ์บรมไตรโลกนาถ พระพุทธรูปทรงเครื่องที่งดงามและใหญ่ที่สุดของอยุธยา
พระประธานในโบสถ์เป็นพระพุทธรูปทรงเครื่อง มีพระนามว่า พระพุทธนิมิตวิชิตมารโมลีศรีสรรเพชญ์บรมไตรโลกนาถ ขนาดหน้าตักกว้าง 9 ศอก สูง 3 วา หล่อด้วยโลหะปิดทองทั้งองค์ เป็นพระสัมฤทธิ์ขนาดใหญ่ตามคติการสร้างพระในสมัยอยุธยาตอนต้น แต่ลักษณะของพระพุทธรูปทรงเครื่องแบบจักรพรรดิราช สวมมงกุฎ มีสร้อยสังวาล ทับทรวง นั้นเป็นศิลปะในสมัยพระเจ้าปราสาททอง คล้ายกับพระพุทธรูปก่ออิฐในเมรุทิศเมรุรายวัดไชยวัฒนาราม จึงเข้าใจว่าพระประธานน่าจะได้รับการปฎิสังขรณ์ในสมัยพระเจ้าปราสาททองเช่นเดียวกัน
ส่วนพระอุโบสถใหญ่นี้มีความยาวประมาณ 41 เมตรครึ่ง นับว่าใหญ่กว่าวัดอื่นๆ ในอยุธยา ตั้งอยู่บนฐานสูงทำให้ตัวพระอุโบสถดูสูงใหญ่ตระการตา หน้าบันของอุโบสถเป็นไม้แกะสลัก ลงรักปิดทองประดับกระจก รูปแกะสลักเป็นพระนารายณ์ทรงครุฑ ซึ่งเหยียบอยู่บนเศียรของพญานาค ล่างลงไปเป็นราหู ล้อมรอบด้วยหมู่เทวดาประนมมืออยู่ 26 องค์ ประตูเข้าด้านหน้าอุโบสถมีถึง 3 บาน ช่องกลางซึ่งด้านบนประดับเป็นยอดปราสาทมีขนาดใหญ่ตามคติที่ว่าเป็นประตูสำหรับบุคคลสำคัญเท่านั้น ต่อมาได้รับการดัดแปลงให้กลายเป็นซุ้มหน้าต่างแทนประตู
2
หลวงพ่อคันธารราฐ อายุ 1,500 ปีในวิหารน้อย มีเพียงหกองค์ในโลก
วิหารพระคันคันธารราฐ วิหารน้อยหรือวิหารเขียน สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 ภายในวิหารประดิษฐานพระคันธารราฐ พระพุทธรูปศิลาสมัยทวารวดี ปางปฐมเทศนา ประทับห้อยพระบาท พระยาไชยวิชิต (เผือก) จารึกว่าอัญเชิญมาจากวัดมหาธาตุในอยุธยา บ้างก็ว่ามาจากเมืองลังกา แต่มีบันทึกหลักฐานในสมัยรัชกาลที่ 5 กล่าวว่าเดิมอยู่ที่วัดพระเมรุ จ. นครปฐม
พระพุทธรูปศิลาสมัยทวารวดีเช่นพระคันธารราษฎร์ ปรากฏในโลกเพียงหกองค์เท่านั้น คือนอกจากที่วัดหน้าพระเมรุแล้ว ยังมีที่อินโดนีเซียหนึ่งองค์ วัดพระปฐมเจดีย์สามองค์ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยาหนึ่งองค์
องค์พระพุทธรูปมีลักษณะที่น่าสังเกตหลายประการ คือ
1. พระรัศมีรอบพระเศียร ซึ่งมีเปลวฉายออกมาโดยรอบนั้น ชี้ให้เห็นอิทธิพลของจีน
2. ชายจีวรถูกถลกสูง เผยให้เห็นถึงพระชานุซ้ายของพระพุทธเจ้า ดูแปลกไปจากพระพุทธรูปที่พบทั่วไปในประเทศไทย เป็นเช่นเดียวกับที่นิยมทำพระศรีอาริยเมตไตรยในประเทศจีน สมัยราชวงศ์ถัง
3. พระหัตถ์ทั้งคู่วางราบอยู่บนเข่าทั้งสอง ซึ่งแปลกไปจากปางต่าง ๆ ที่รู้จักกันในประเทศไทย
3
กราบไหว้สามพระพุทธรูป อายุรวมกัน 2000 ปี
นอกจากพระพุทธนิมิตวิชิตมารโมลีศรีสรรเพชญ์บรมไตรโลกนาถในพระอุโบสถและพระคันคันธารราฐที่วิหารเขียนแล้ว หากเดินมาทางด้านหลังตามป้ายบอกทางจะพบกับพระพุทธรูปที่มีอายุเก่าแก่อีกสามองค์ได้แก่
พระพุทธลีลา 800 กว่าปี สมัยลพบุรี ณ พระวิหารหลวง
หลวงพ่อขาว 500 กว่าปี ด้านหลังพระอุโบสถ
หลวงพ่อเชียงแสน 700 กว่าปี เนื่องจากป้ายบอกทางไม่เด่นชัด น่าจะประดิษฐานในศาลาด้านหลังวิหารหลวง
4
โบราณสถานในวัดน้าพระเมรุ
หลังจากเดินมากราบไหว้หลวงพ่อขาว เมื่อเดินออกมาจะพบกับโบราณสถานที่ยังหลงเหลือที่ไม่ได้รับการบูรณะ อันได้แก่เจดีย์รายซึ่งเป็นเจดีย์ทรงระฆังสามองค์ตั้งเรียงกันเป็นแถว สังเกตให้ดีทีที่เจดีย์องค์ด้านทิศใต้จะมีเศียรพระถูกรากโพธิ์ปกคลุมคล้ายที่วัดมหาธาตุ
หมวดหมู่
รวมแหล่งท่องเที่ยวและภาพถ่ายทั่วไทย