การมาดูค้างคาวที่เขาช่องพรานนั้น นักท่องเที่ยวสามารถมาก่อนหกโมงเพื่อรอเวลาค้างคาวออกหากิน โดยเวลาจะใกล้เคียงกันทุกวัน  สามารถมาปูเสื่อนอนหรือซื้อหาของกินที่ขายเป็นตลาดนัดอยู่ในละแวกนั้น ถือเป็นการพักผ่อนหย่อนใจไปในตัว ค้างคาวจะเริ่มทยอยออกมาเป็นสาย จากนำนวนน้อยๆจนกลายเป็นคลื่นสีดำคล้ายพายุออกปกคลุมท้องฟ้า ค้างคาวจะบินออกจากถ้ำ ไปหากินทางทะเล และที่อื่น ๆ ในฤดูหนาว จะบินไปทาง ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ฤดูฝนจะบินไปทาง ทิศตะวันตก แล้วจะบินกลับมาเข้าถ้ำในเวลาประมาณตีสามของวันรุ่งขึ้น ค้างคาวเหล่านี้ ใช้เวลาบินออกจากถ้ำ ทุก ๆวัน นานนับชั่วโมง

นักท่องเที่ยวยังสามารชมปากถ้ำค้างคาว โดยปากถ้ำอยู่สูงจากพื้นดินประมาณ 20 เมตร  กว้างเพียง 1 เมตร ภายในกว้างมากและมืดทึบ

ภายในวัดเขาช่องพราน มีสถานที่ที่น่าสนใจมากมาย อันได้แก่ พระบรมธาตุบวรวิสุทธิเจดีย์ ซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขาเด่นสง่างาม เป็นที่เคารพนับถือ ของชาวบ้านเขาช่องพรานและใกล้เคียง  สร้างขึ้น เพื่อน้อมเกล้าถวายเป็น   พระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9  ในวาระทรงพระชนมพรรษาครบ 60 พรรษาสามารถขึ้นบันได 499 ขั้น เพื่อขึ้นไปชมวิวทิวทัศน์ในมุมกว้าง นอกจากนี้ยังเป็นตำแหน่งที่อยู่เหนือปากถ้ำค้างคาว ควรเผื่อเวลาไปกลับด้วย

เรียกสั้น ๆ ว่าถ้ำพระ ถ้ำพระอยู่สูงจากพื้นดินประมาณ 60 เมตร  มีบันไดก่อด้วยอิฐปูนสำหรับขึ้นลงไว้เรียบร้อย ปากถ้ำกว้างประมาณ 3 เมตร สูง 2 เมตร ลึกเข้าไปในถ้ำประมาณ 120 เมตร ภายในถ้ำกว้างบ้าง แคบบ้าง บริเวณที่กว้างที่สุดประมาณ 14 เมตร ถัดจากถ้ำเข้า ไปประมาณ 30 เมตรมีพระพุทธไสยาสน์อยู่องค์หนึ่ง ยาวกว่า 8 เมตร สูงกว่า 1 เมตร และยังมีพระพุทธรูปปางต่าง ๆ ในถ้ำอีกประมาณ  200 องค์     ซึ่งไม่ ปรากฏว่าผู้ใดเป็นผู้สร้างแต่มีผู้สันนิษฐานว่า ได้สร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาบ้าง กรุงสุโขทัยบ้าง และเล่าขานกันต่อ ๆมาว่าผู้พบถ้ำคนแรก คือนายพรานผู้หนึ่งที่ได้มาล่าสัตว์และ ตามรอยเท้าสัตว์ที่ถูกยิง แล้วหนีเข้าไปในถ้ำพระนี้

พระพุทธบวรศักดิ์สิทธิ์พิชิตมาร เป็นหลวงพ่อพระประธานในอุโบสถวัดเขาช่องพราน มีเรื่องเล่ากันว่ามีความศักดิ์สิทธิ์ ครั้งหนึ่งชาวไต้หวัน  ซึ่งเป็นเจ้าของส่งออกอาหารทะเล กำลังประสบปัญหาทางด้านเศรษฐกิจถึงขั้นเกือบล้มละลาย แต่หลังจากมาขอพรจากหลวงพ่อ แล้วได้กลับไปทำธุรกิจประสบความสำเร็จอีกครั้ง จึงได้นำเงินมาถวายวัดเพื่อมาบูรณะอุโบสถ