เกาะยอ สงขลา

เผยแพร่เมื่อ October 28, 2024

แหล่งท่องเที่ยวจังหวัดสงขลา : เกาะยอ สงขลา

เกาะยอ เป็นเกาะที่ตั้งกลางทะเลสาบตอนล่างของสงขลา และเป็นตำบลหนึ่งของอำเภอเมืองสงขลา มีเนื้อที่รวมพื้นน้ำ 17.95 ตารางกิโลเมตร พื้นที่ส่วนใหญ่บนเกาะจะเป็นไหล่เขาและที่ราบตามเชิงเขา ชาวบ้านที่อาศัยอยู่บนเกาะยอส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำประมงและทำการเกษตร ซึ่งเกาะยอนั้นเป็นแหล่งเลี้ยงปลาในกระชังที่สำคัญและมีชื่อเสียงของทะเลสาบสงขลา และบนเกาะนั้นยังมีการทำสวนผลไม้แบบ สมรม เป็นการผลัดกันให้ผลตลอดทั้งปี ไม่ว่าจะเป็น มะพร้าว ส้มโอ หรือจำปาดะ ที่เป็นผลไม้ที่มีชื่อเสียงของเกาะยอ ที่มีรสชาติอร่อยและเรียกได้ว่าเป็นจำปาดะที่อร่อยที่สุดของเมืองสงขลา นอกจากนี้ภายในเกาะยอนั้นยังมีกลุ่มทอผ้าเกาะยอ เป็นผ้าพื้นเมืองที่มีชื่อเสียงของเกาะยอ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สามารถมาเรียนรู้วิถีชีวิตของชาวบ้านที่อาศัยอยู่บนเกาะยอ การใช้ชีวิต การประกอบอาชีพต่างๆ โดยเฉพาะการทำประมง และบนเกาะมีกิจกรรมให้ทำมากมาย เช่น การนั่งเรือชมวิถีชีวิตชาวประมง ชมบรรยากาศของเกาะรอบๆ การปั่นจักรยานชมสวน ปั่นเล่นรับลม และสถานที่ท่องเที่ยวต่าง เช่น จุดชมวิวเกาะยอ สะพานติณสูลานนท์ วัดพระนอนแหลมพ้อ และวัดท้ายยอ และที่นี่ยังมีโฮมสเตย์ที่ให้นักท่องเที่ยวมานอนพักผ่อนได้เต็มที่ มีร้านอาหารและคาเฟ่อีกมากมาย เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญอีกหนึ่งที่ของจังหวัดสงขลาที่ไม่ควรพลาด

ข้อมูลทั่วไป

ชื่อภาษาไทย

เกาะยอ

ชื่อภาษาอังกฤษ :

Ko Yo

ที่อยู่ :

ตำบล เกาะยอ

ข้อมูลอ้างอิง :

เว็บไซต์การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย , เว็บไซต์องค์การบริหารส่วนตำบลเกาะยอ

สถานะ :

ไม่มีข้อมูล

กิจกรรมแนะนำ

1

จุดชมวิวเกาะยอ

จุดชมวิวเกาะยอ บนเกาะยอนั้นจะมีจุดชมวิวที่คอยให้บริการกับนักท่องเที่ยว 3 จุด ได้แก่ หมู่ที่ 7 ตั้งอยู่บ้านป่าโหนด , หมู่ที่ 8 ตั้งอยู่ที่หน้าวัดท้ายยอ และหมู่ที่ 9 ตั้งอยู่หลังที่ว่าการองค์การบริหารส่วนตำบลเกาะยอ โดยแต่ละจุดสามารถชมวิวของเกาะยอ วิวออกมาสวยมากๆ แต่ละจุดก็จะมีวิวที่แตกต่างกันออกไป

2

สะพานติณสูลานนท์

สะพานติณสูลานนท์ เป็นสะพานคอนกรีตที่ยาวที่สุดในประเทศไทย จะเชื่อมเกาะยอ 2 ด้าน คือ ฝั่งบ้านน้ำกระจาย อำเภอเมืองสงขลา และฝั่งบ้านเขาเขียว อำเภอสิงหนคร จุดประสงค์ที่สร้างสะพานแห่งนี้ขึ้นมาคือ เพื่อรองรับการคมนาคมทางรถยนต์ เพราะก่อนที่จะมีสะพานนั้นจะต้องเดินทางโดยการข้ามแพซึ่งใช้เวลานานและเมื่อข้ามมาแล้วยังเจอปัญหารถติดอีก รัฐบาลจึงมีนโยบายในการสร้างสะพานแห่งนี้ เปิดให้ใช้เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2527 และสะพานติณสูลานนท์ เป็นส่วนหนึ่งของทางหลวงหมายเลข 4146 ซึ่งเชื่อมต่อระหว่างทางหลวงหมายเลข 4083 (ระโนด-เขาแดง) กับทางหลวงหมายเลข 407 (สงขลา-หาดใหญ่) เป็นสะพานที่สำคัญของสงขลา

3

วัดพระนอนแหลมพ้อ

วัดพระนอนแหลมพ้อ หรือวัดแหลมพ้อ สร้างเมื่อ พ.ศ. 2330 เป็นวัดเก่าแก่ของจังหวัดสงขลา ที่มีอายุกว่า 200 ปี โดยที่มาของชื่อ “วัดแหลมพ้อ” นั้นมาจากพื้นที่บริเวณวัดนั้นเป็นแหลมยื่นออกไปและมีต้นพ้ออยู่เป็นจำนวนมาก ในอดีตพระบาทสมเด็จจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่ทรงประพาสทางน้ำขึ้นที่ท่าเรือหน้าวัด โดยทางกรมศิลปากรนั้นได้ประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถานวัดแหลมพ้อว่าพื้นที่โบราณสถานประมาณ 2 ไร่ 1 งาน 15 ตารางวา ซึ่งมีโบราณสถานที่สำคัญคือ “อุโบสถ” เป็นรูปแบบศิลปกรรมตามพระราชนิยมในสมัยรัชกาลที่ 3  และมี “หอระฆัง” ที่ก่ออิฐถือปูน ตัวหอเป็นทรงสี่เหลี่ยมยอดปิรามิดซ้อนลดหลั่นกันขึ้นไป และมีบันไดทางขึ้น-ลง 2 ทาง และมี “เจดีย์” ที่ตั้งอยู่ทิศเหนือของอุโบสถ เป็นเจดีย์ก่ออิฐถือปูนตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยม ขนาด 9 x 9 เมตร  โดยสามารถเดินได้รอบเจดีย์ และสิ่งสำคัญที่สุดภายในวัดคือ  “องค์พระนอน” เป็นพระพุทธรูปปางปรินิพพานที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.  2537 ถือเป็นวัดที่สำคัญของจังหวัดสงขลาที่ตั้งอยู่บนเกาะยอ ตั้งอยู่ริมถนนเมื่อขับผ่านสะพาน สะพานติณสูลานนท์ ก็จะพบกับ วัดแหลมพ้อ เลย

4

วัดท้ายยอ

วัดท้ายยอ เป็นวัดที่มีสถาปัตยกรรมที่มีความสวยงามและควรค่าแก่การอนุรักษ์ ภายในวัดมีสิ่งสำคัญมากมาย เช่น กุฏิแบบเรือนไทยปั้นหยา มีอายุกว่า 200 ปี หลังคาจะใช้กระเบื้องดินเผาและกระเบื้องลอนแบบเก่า และเสาเรือนกุฏิจะไม่ฝังลงดินแต่จะตั้งอยู่บนตีนเสาซึ่งเป็นแบบเฉพาะของภาคใต้ มีโบราณสถานและโบราณวัตถุ เช่น บ่อน้ำโบราณ สระน้ำโบราณ โรงเรือพระ สถูป หอระฆัง และมีร่องรอยของท่าเรือโบราณ และบริเวณท้ายวัดยังมีเขาเพหารหรือเขาวิหารที่ประดิษฐานเจดีย์ทรงลังกา สันนิฐานว่าสร้างในสมัยรัชกาลที่ 4  ทางกรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนเจดีย์บนยอดเขาพิหารแห่งนี้ว่าเป็นโบราณสถานของชาติเมื่อ 15 กันยายน 2540  เป็นวัดที่มีชื่อเสียงของเกาะยอทที่หากใครไปที่เกาะยอก็จะแวะไปชมวัด สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในวัด

รวมแหล่งท่องเที่ยวและภาพถ่ายทั่วไทย